สำหรับร้านกาแฟ โดยมากมักจะมีพื้นที่ส่วนของ Indoor และ Outdoor โดยมีสัดส่วนที่ไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับบรรยากาศของสถานที่ และงบประมาณการลงทุน หากร้านไหนเป็นลักษณะสถานที่ท่องเที่ยว อากาศดี ๆ ลูกค้ามักจะชอบนั่งในส่วนของ Outdoor มากกว่า แต่หากร้านไหนอยู่ในโซนที่ค่อนข้างพลุกพล่านลูกค้าก็มักจะชอบเลือกในส่วนของ Indoor หรือบางครั้งก็อาจในเรื่องของต้นไม้เข้ามาช่วยอย่างเช่น ต้นโมก เอามาล้อมรอบ ทำให้บริเวณ Outdoor ที่รู้สึกวุ่นวาย ให้ดูสงบลง กลายเป็น Indoor อีกแบบก็ได้ครับ ส่วนงบประมาณ โดยมาก การตกแต่ง Outdoor จะถูกกว่า Indoor ค่อยข้างมากครับ อาจถูกกว่าถึง 2-3 เท่าตัวก็เป็นได้  ลักษณะของพื้นที่ Indoor มักเน้นในเรื่องของการสร้างบรรยากาศของความสงบ ความเงียบ อาจมีมุมไว้เล่น Internet มีมุมไว้อ่านหนังสือ หรือมีมุมไว้ สำหรับลูกค้าที่เป็นกลุ่มเข้ามานั่งคุย นั่งเล่น ทำรายงานหรือ Present งานกันก็เยอะนะครับ และในปัจจุบันจะสังเกตุเห็นได้ว่า จุดนัดพบของคนทั่ว ๆ ไป เริ่มจะเป็นการนัดที่ร้านกาแฟค่อยข้างมากครับ รวมถึงการนัดลูกค้า สำหรับนักขายตรงหลาย ๆ ท่าน 

ในการแบ่ง พื้นที่ Indoor ของร้านนั้น อาจแบ่งได้ง่าย ๆ คือในส่วนของบาร์กาแฟ และ ในส่วนของลูกค้า สำหรับส่วนของบาร์กาแฟส่วนมากจะใช้พื้นที่ตั้งแต่ 7 ตารางเมตร จนถึงประมาณ 12 ตารางเมตร ส่วนที่เหลือจะเป้นส่วนของที่นั่ง กับส่วนของทางเดิน หากเราประเมินค่าเฉลี่ย ร้านกาแฟขนาดตั้งแต่ 10-30 ตารางเมรต โดยมากมักมีที่โต๊ะอยู่ประมาณ 3-6 โต๊ะ ในการออกแบบภายในของร้านกาแฟเราจะเริ่มตั้งแต่ประตูร้าน เมื่อเปิดเข้าไปแล้ว เราควรบีบลูกค้าให้มุ่งตรงไปสู่เค้าเตอร์บาร์ โดยอาจมีรั้ว หรือการตัดสีที่พื้น และการจัดวางให้เค้าเตอร์ Casher หรือ ส่วนของต้อนรับลูกค้าให้ตรงกับประตู มากที่สุด หลังจากที่ลูกค้า Order เครือ่งดื่มแล้ว ควรมีจุดพักคอย เตรียมเอาไว้ด้านข้างเพื่อให้ลูกค้าคนอื่น ๆ สามารถเข้ามาต่อแถวต่อได้ครับ และจะไม่เป้นการรบกวนลูกค้าท่าน อื่น ๆ ที่นั่งอยู่ที่โต๊ะใกล้เคียงอีกด้วย ต่อไปจะเป็นส่วนของที่นั่งลูกค้า ในการออกแบบทีนั่งเราจะแบ่งที่นั่งได้เป็น 4 ลักษณะหลัก ๆ คือ 1. ส่วนของบาร์กาแฟหน้าร้าน มุมนี้อาจเป็นมุมโปรดของหลาย ๆ คน หรือ อาจเป็นมุมเหล่สาวของหนุ่ม ๆ ก็ได้นะครับ ในการออกแบบบาร์ชุดนี้ บาร์ตัวนี้จะเป้นบาร์ที่อยู่หน้าร้าน โดยมีความสูงประมาณ 1 m และเก้าอี้ควรเป้นสตู บางครั้งลูกค้าที่นั่งต้องการอะไรที่ง่าย ๆ ไม่ค่อยเป้นทางการเท่าไหร่นัก การใช้สตู จะให้ควารรู้สึกเหมือนกำลังกึ่งนั่งกึ่งยืน  ดูสบาย ๆ ส่วนที่ 2 มุม Internet สำหรับส่วนนี้ อาจต้องให้ความรู้สึกส่วนตัวมากนิดนึง อาจมีเรื่องคอกเตี้ย ๆ กันส่วนของจอ Monitor เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกเป็นส่วนตัว ด้านหน้าควรเป้นผนังทึบ แต่หลาย ๆ ร้านอาจไม่มีมุมนี้แต่ใช้เป้น เร้าเตอร์ ปล่อยสัญญาณ Wifi ให้กับลูกค้าแทน แต่ในจุดนี้ก็อย่าลืมเผื่อปลั๊กไฟไว้ให้กับลูกค้าบ้างนะครับ อย่าคิดว่าเป็นการประหยัด เพราะเมื่อไหร่ที่มีลูกค้านั่งอยู่ในร้านก็จะมีลูกค้าคนถัด ๆ ไปเข้าร้านครับ ร้านจะดูมีชีวิตชีวาขึ้น ถือซะว่าเป็นค่า หน้าม้า แล้วกัน ส่วนที่ 3 มุม Sofa สำหรับมุม Sofa โดยมากส่วนนี้จะเป็นมุม Hi light ของร้านครับ อาจมีทั้งลักษณะ 2 ที่และ 4 ที่ หรือหากมีพื้นที่มากกว่านั้นอาจเป้นมุมใหญ่หน่อยก็เป้นได้ครับ ในการเลือกโซฟา หากเป็นพื้นที่จำกัดจริง ๆ เราก็ควรเลือกโซฟาที่ไม่มีที่เท้าแขน เพื่อให้ร้านดูกว้างขึ้นให้มีช่องทางเดินมากขึ้น แต่หากร้านค่อยข้างมีพื้นที่ ก็อยากให้เลือกโซฟาที่มีที่เท้าแขนหรือมีพนักพิงสูงครับ เพราะจะทำให้ลูกค้ามีความรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย และยังสามารถสร้างโลกส่วนตัวให้ลูกค้าหลาย ๆ คนได้ การเลือกโต๊ะที่เข้าคู่กันก็จะเป้นโต๊ะเตี้ย เพื่อนให้ลูกค้ารู้สึกความเป้นกันเอง ดูไม่เป็นทางการมากนัก สำหรับรูปแบบนั้น อยากให้เจ้าของร้านเลือก หลาย ๆ แบบได้เลยนะครับ ในหนึ่งร้านไม่จำเป็นต้องเป็น โซฟาเหมือน ๆ กันหมด ทุกตัว ทำให้ร้านดูน่าสนใจขึ้นเยอะเลย ส่วนที่ 4 จะเป็นส่วนของ เก้าอี้ กับ โต๊ะทางสูงมาตราฐานทั่วไป โดยมากตัวโต๊ะพวกนี้จะสูงอยู่ที่ 75 cm ในการจัดวางมักจะไว้ตรงกลางร้าน การจัดโต๊ะพวกนี้เป้นการเพิ่มพื้นที่นั่งลูกค้าเวลาที่พื้นที่จำกัด หรือต้องการเพิ่ม seat ในการรับลูกค้า หรือร้านที่มีอาหารขายควบคู่กัน สำหรับการเลือกทรงโต๊ะ ตามท้องตลาดทั่วๆไปจะมีขายอยู่ 2 รูปแบบ คือทรงกลม กับ สี่เหลี่ยม ในการเลือกนั้นควรพิจารณาจะสินค้าในร้าน สำหรับโต๊ะทรงกลมนั้น เหมาะสำหรับร้านที่ไม่มีอาหารมากนัก ลูกค้าไม่ต้องการใช้พื้นที่บนโต๊ะเยอะ อาหารที่เสริฟ อย่างมากก็จะเป็นพวกเค้ก หรือแซนวิสเท่านั้น โต๊ะทรงกลมเป็นโต๊ะที่เหมาะกับการดื่มกาแฟ เพราะจะทำให้ลูกค้าไม่รู้สึกเกะกะ แต่จะไม่เหมาะสำหรับทานข้าว สำหรับโต๊ะทรงสี่เหลี่ยม จะเป้นโต๊ะที่เหมาะกับการทานเข้าว เพราะเมื่อเรานั่งที่โต๊ะ และวางจานแล้วจะยังเหลือพืนที่ด้านข้างสำหรับบางคนที่วางข้อศอกหรือมือ และมีพื้นที่เพียงพอสำหรับวางช้อนส้อมหรือแก้วน้ำ สำหรับเก้าอี้ เวลาเราเลือกเก้าอี้บางครั้งอยากให้ลองนั่งดูซักแป๊ป แล้วลองขยับซ้ายขวาดูนิดนึงครับ เราไม่ควรเลือกเก้าอี้ที่นั่งแล้วเวลาขยับ จะรู้สึกเจ็บก้น หรือโยกเยก เจ้าของร้านหลาย ๆ ท่านอาจเลือกเก้าอี้ที่ราคาถูกอย่างเดียว แต่ลืมคำนึงถึงว่า หากลูกค้าที่ร้านเค้านั่งแล้วไม่รู้สึกสบาย เค้าก็จะไม่กลับมาอีก เพราะฉะนั้นจุดนี้เป้นอีกจุดนึงที่ควรลงทุนสำหรับร้านกาแฟครับ และในการออกแบบหรือจัดวาง Layout ที่สำคัญอีกอย่างคือ เราจะต้องออกแบบร้านกาแฟที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกมุมทุกมุมเก้าอี้ทุกตัวมีความเป็นส่วนตัวให้มากที่สุดครับ ในการจัดวางโซฟาให้จัดชิดกำแพง หรือเลือกโซฟาที่มีขนาดใหญ่ การเลือกโต๊ะให้เลือกเป็นทรงกลมและจัดเก้าอี้ใส่ซัก 3 ตัว แล้ววางสลับกับโต๊ะตัวอื่นไม่จำเป็นต้องจัดให้ดูเป็นระเบียบมากนัก เพราะร้านกาแฟไม่ใช่ร้านอาหาร และหากเป็นร้านที่มีพื้นที่กว้างเราควรมีพวก Low partition กั้นบ้าง และนำเอาเก้าอี้หรือโซฟามาประกบติด เพราะเมื่อไหร่ที่ลูกค้าได้นั่งริมกำแพงหรือติดกับฉาก จะทำให้ลูกค้าเค้ารู้สึกเป้นส่วนตัวมากขึ้นครับ และการจัดแสง ไม่ต้องให้สว่างมากนักให้ออกสลัว ๆ แล้วใช้ไฟพวกไฟ Halogen ส่องเข้าไปตามกำแพง เสา หรือ รูปภาพ ให้ร้านดูมีบรรยากาศ ชวนให้หลับ และเคลิบเคล้มไปกับบรรยากาศและเสียงเพลงที่คลออยู่เบาๆ